วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

พระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง

“...พอเพียงนี้จะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าไม่ต้องเบียดเบียนคนอื่น
ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียง
ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติหน้าที่ก็พอเพียง...”
“...คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อยเมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย
ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้มิใช่เศรษฐกิจ
มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียงหมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก
คนเราอยู่เป็นสุข...”
พระราชดำรัส เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวาคม ๒๕๕๑

พระราชดำรัสด้านการเกษตร

“...เมืองไทยนี้ต้องพึ่งเกษตรกรเป็นสำคัญ เพราะว่าเกษตรกรเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศและต้องยึดอาชีพนี้มาและไม่ใช่เพราะเหตุนั่นเท่านั่นเอง แต่ว่าประเทศหนึ่งประเทศใดจะอยู่ได้ก็เพราะว่ามีกสิกรรม  การประกอบอาชีพในด้านผลิตผลที่ได้จากธรรมชาติ ทั้งในด้านที่จะเป็นการปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ปลูกผลไม้ หรือทำมาหากินในด้านปศุสัตว์หรือประมง...
...การกสิกรมและอาชีพในด้านเกษตรทุกๆ อย่างย่อมต้องอาศัยปัจจัยสำคัญหลายด้าน ด้านหนึ่งก็คือหลักวิชาของการเพาะปลูก เป็นต้น และอีกด้านหนึ่งก็เป็นการช่วยให้หลักวิชาเหล่านั้น และเมื่อได้ปฏิบัติแล้วได้ผลิตผลแล้วก็จะต้องสามารถดัดแปลงอและขายจำหน่ายผลิตผลที่ตนได้ทำ ฉะนั้นทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน ความขยันหมั่นเพียรในการผลิต ความรู้ในวิชาการผลิตและความรู้ในการเป็นอยู่ ทั้งความรู้ในด้านจำหน่าย ล้วนเป็นความรู่ที่จะต้องประสานกันหมด...
พระราชดำรัสในโอกาสที่คณะกรรมการสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมงและสมาชิกผู้รับสมสดเข้าเฝ้าฯ ณ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๐

พระราชดำรัสด้านการพัฒนาดิน

ดินนั้นพัฒนาขึ้นมาได้โดยไม่ยากนัก ดินจะเค็ม จะเปรี้ยว จะจืดอะไรก็ตามสามารถที่จะทำให้ดีขึ้นได้ภายในไม่กี่ปี โดยใช้เทคนิคแบบโบราณ ไม่ใช่สมัยใหม่ แบบโบราณๆ คือ ใช้ปุ๋ยหมัก หรือตะกอนที่ลงมาตามลำห้วย โดยที่ได้ทำเป็นอ่างเก็บน้ำมาพัฒนาดินและรักษาดินไม่ให้ไหลลงไป ไม่ให้เกิดการลุกหรอ erosion ไปอันนี้เป็นวิธีที่ง่าย...”
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาเรื่องการประยุกต์เทคโนโลยี การถ่ายทำภาพทางอากาศและดาวเทียม ในการวางแผนการใช้ดินลุ่มน้ำทางเหนือของประเทศไทย  ณ โรงแรมรินคำ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๒๓

พระราชดำรัสด้านการพัฒนา

“...การพัฒนาชนบท เป็นงานที่สำคัญ เป็นงานที่ยาก เป็นงานที่จะต้องทำให้ได้ด้วยความสามารถ ด้วยความเฉลียวฉลาด คือ ทั้งเฉลียวทั้งฉลาด ต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิใช่มุ่งที่จะหากินด้วยวิธีการใดๆ ใครอยากหากินขอให้ลาออกจากตำแหน่งไปทำการค้าดีกว่า เพราะว่าถ้าทำผิดพลาดไปแล้วบ้านเมืองเราล่มจม และเมื่อบ้านเมืองของเราล่มจมแล้วเราอยู่ไม่ได้ ก็เท่ากับเสียหมดทุกอย่าง...”
คัดตัดตอนจากพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่คณะผู้บริการงานเร่งรัดพัฒนาชนบทระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน
วันศุกร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๑๒

พระราชดำรัสการพัฒนาป่าไม้


“...เดี่ยวนี้ทุกคนก็คงเข้าใจแล้วว่า ป่า3อย่างนั้นคืออะไร แต่ให้เข้าใจว่า ป่า3อย่างนี้มีประโยชน์ 4 อย่างไม่ใช่ 3 อย่าง “ป่า3อย่าง” ที่บอกว่า เป็นไม้ฟืน เป็นไม้ผลและไม้สร้างบ้านนั้น ความจริงไม้ผืนกับไม้ใช้สอยก็อันเดียวกัน ไม้สร้างบ้านกับไม้ใช้สอยก็อันเดียวกัน แต่เราแบ่งออกไปเป็นไม่ทำผืน ไม้สร้างบ้านเรือน รวมทั้งไม่ทำศิลปะหัตกรรม แล้วก็ไม้ผล...”
พระราชดำรัส พระราชทานในพิธีปิดการสัมมนาการเกษตรภาคเหนือณ สำนักงานเกษตรภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔

พระราชดำรัสการพัฒนาสังคม

“...วิถีทางดำเนินของบ้านเมืองและของประชาชนทั่วไปมีความเปลี่ยนแปลงมาตลอด เนื่องมาจากความวิปริตผันแปรของวิถีแห่งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่นๆ ของโลก ยากยิ่งที่เราจะหลีกเลี่ยงให้พ้นได้ จึงทำให้ต้องระมัดระวังแระคับประคองตัวเรามากเข้า โดยเฉพาะในเรื่องการเป็นอยู่โดยประหยัด เพื่อที่จะอยู่ให้รอด และก้าวหน้าต่อไปได้โดยสวัสดี...”


คัดตัดตอนจากพระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย
ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2523วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม 2522

พระราชดำรัสความสามัคคี


“...ความสามัคคีนี้เป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่ง ซึ่งหมู่ชนผู้อยู่ร่วมกันจำเป็นต้องมี ต้องถนอมรักษาและต้องนำมาใช้อยู่สม่ำเสมอ เนื่องด้วยสรรพกิจการงานที่เป็นส่วนรวมทุกด้าน ทุกระดับ ต้องอาศัยบุคคลหลายฝ่ายร่วมกันคิดร่วมกันทำ...”
คัดตัดตอนจากพระราชดำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ. 2530 วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2530

ขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป

อยากให้คนทั่วทั้งโลก...ได้ร­ู­­­้ว่า
ไม่มีกษัตริย์ผู้เปี่ยมล้นน้ำพระทัย­­­พ­ระองค์ไหนในโลกนี้
ที่จะมีคนรักได้มากมายขนาดนี้อี­­­­กแล้ว

พวกเราคนไทยอย่าให้น้อยหน้า ชาวต่างชาติ ที่เขาทำทุกอย่างเพื่อแสดงให้โล­­­­กรู้ว่าเขารักในหลวง
แต่พวกเราคนไทยเอง ได้แสดงอะไรให้โลกได้เห็นแล้วหร
­­­­ือยังว่ารักในหลวง รีบทำกันนะครับ
เรารักในหลวงเพียงพระอง์เดียว
 แต่พระองค์ท่านรักพวกเราคนไทย 65 ล้านคน ไม่ว่า
คนๆนั้น
 จะดีหรือชั่ว ล้วนแล้ว คือพสกนิกรของพระองค์ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
บชร.1 "ขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป"