วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทรัพย์สินส่วนพระองค์กับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


รามอินทรา
วันศุกร์ 8 เมษายน 2554 11:24
สำนักข่าวเจ้าพระยา
เมื่อวานนี้ 28 มี.ค. 54 ผมได้มีโอกาสพบปะผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านได้ปรารถให้ฟังว่าปัจจุบันนี้มีความพยายามของบุคคลบางคนที่ต้องการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการประโคมข่าวที่บิดเบือนความจริงไปตามสื่อต่างๆทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีเรื่องที่ท่านกังวลใจได้แก่ การนำเอาเรื่องนิตยสารฟอร์บส์จัดลำดับความร่ำรวยของพระมหากษัตริย์ไทยมาชี้นำให้คนทั่วไปเห็นความขัดแย้งระหว่างความร่ำรวยกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผมชี้แจงไปว่า ท่านอย่าได้วิตกกังวลมากไปเลยความจริงไม่ได้เป็นไปอย่างที่คนเหล่านี้ออกมาพูดหรอก ปัญหาก็คือ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นยุคกระเบื้องลอยน้ำ-อันธพาลครองเมืองที่คนดีมักจะเก็บตัวไม่ค่อยแสดงออก ตรงกันข้ามกับคนชั่วช้าสามานย์ชอบออกมาแสดงอำนาจ แสดงความรอบรู้ ทั้งการเคลื่อนไหวและการพูดจาโกหกเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นอย่างหน้าด้าน พวกเขาได้สร้างพฤติกรรมดังกล่าวออกทางสื่อต่างๆ จนเกิดความเคยชินแล้วสรุปเอาเองว่านี่แหละคือ วิถีทางประชาธิปไตยของพวกเขามันเป็นสงครามข่าวสารที่คนชั่วชอบใช้อยู่เป็นประจำ คนไทยทั่วไปนั้นทราบดี แต่ก็ไม่ค่อยมีใครออกมาต่อต้านอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับเรื่องปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองบางคนในทุกวันนี้
ผู้ใหญ่ท่านนั้นกล่าวต่อไปว่า ปัญหามันอยู่ที่คนซึ่งไม่ทราบความจริงมาก่อนโดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ เมื่อได้รับข่าวสารที่บิดเบือนดังกล่าวบ่อยครั้งเข้าจะเกิดความเชื่อโดยไม่รู้ตัวได้ ผมเห็นด้วยกับท่านไม่เช่นนั้นเขาจะมีตำราสงครามจิตวิทยาไว้ทำไม การโฆษณาชวนเชื่อมีผลที่เป็นไปได้จริง ดังนั้นผมจึงต้องกลับมาเขียนเรื่องเดิมอีกครั้ง พวกเขาพูดบ่อยๆซ้ำๆ ผมก็จะเขียนบ่อยๆซ้ำๆเหมือนกันจนกว่ามันจะตายไปข้างหนึ่ง
การที่สื่อต่างประเทศเช่น เว็บไซด์แวนคูเวอร์ซันหรือนิตยสารฟอร์บส์จัดลำดับจากผลการสำรวจทรัพย์สินระบุว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงมีฐานะร่ำรวยอยู่ในลำดับที่หนึ่ง โดยได้นำเอาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เข้าไปรวมกับทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้นถือว่าเป็นการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดอยู่แล้ว

ตาม พรบ.ว่าด้วยการยกเว้นภาษีอากรอันเกี่ยวกับทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2477 ได้ยกเว้นการเก็บภาษีอากรทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ เว้นแต่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ต้องเสียภาษี โดยได้ให้คำจำกัดความทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้นหมายถึงอะไรบ้าง แต่เนื่องจากทรัพย์สินฯดังกล่าวของเดิมยังรวมกันอยู่ภายใต้การดูแลของกรมพระคลังข้างที่ รัฐบาลสมัยนั้นที่มี พ.อ.พหล พลพยุหเสนา เป็น นรม. จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 6 นาย ดยมี พระยานิติศาสตร์ไพศาล เป็นประธานให้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินฯ เพื่อที่จะสามารถดำเนินการเก็บภาษีทรัพย์สินส่วนพระองค์ ตาม พรบ.ดังกล่าวได้ ซึ่งคณะกรรมการก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย
ต่อมาได้มีการออกพรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์อีก 3 ฉบับ ในพ.ศ. 2479 พ.ศ. 2484 และพ.ศ. 2491 โดยได้แบ่งทรัพย์สินฯออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งให้คำจำกัดความเอาไว้ดังนี้
ทรัพย์สินส่วนพระองค์ หมายความว่า ทรัพย์สินที่เป็นของพระมหากษัตริย์อยู่แล้วก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรัพย์สินที่รัฐทูลเกล้าถวาย และทรัพย์สินที่ทรงได้มาไม่ว่าในทางใด นอกจากที่ทรงได้มาในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์
ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ซึ่งใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เช่น พระราชวัง
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ นอกจากทรัพย์สิน ส่วนพระองค์ และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวมาแล้ว

ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าทรัพย์สินส่วนพระองค์ได้ถูกจัดแบ่งออกไปอย่างชัดเจนแล้วตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 จึงไม่สามารถที่จะนำเอาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปรวมกันแล้วนำมาจัดลำดับความร่ำรวยได้ แม้ว่ารายได้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จะได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายตามที่ระบุไว้ในมาตรา 5 ของพรบ.ฯ แต่ตัวทรัพย์สินทั้งหมดยังคงอยู่และถือเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าพระองค์ใด เสด็จขึ้นมาครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อๆไปก็จะทรงมีสิทธิเฉพาะรายได้จากทรัพย์สินส่วนนี้สำหรับไว้ใช้ตามพระราชอัธยาศัย

เรื่องของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นี้ผมเคยอ่านพบในบทความหนึ่งเขียนเอาไว้ว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์แต่จัดเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งผมเห็นว่าข้อเขียนนี้ก็ไม่ถูกต้องด้วยเหตุผลเช่นเดียวกันที่ได้มีการแบ่งแยกทรัพย์สินของแผ่นดินออกไปแล้ว บรรดาที่ดินซึ่งอยู่ในทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีโฉนดทุกแปลงและส่วนใหญ่จะมีพระนามของพระมหากษัตริย์องค์ก่อนๆเป็นเจ้าของที่ดิน (ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) แตกต่างจากที่ดินสาธารณะประโยชน์ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ฯลฯ ซึ่งมิได้มีโฉนดและหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดูแล ถือว่าเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน

การกล่าวถึงข้อเท็จจริงเรื่องทรัพย์สินส่วนพระองค์ก็เพื่อให้มีความชัดเจนว่าสื่อต่างประเทศจัดลำดับความร่ำรวยโดยใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามความร่ำรวยอันดับที่เท่าใดก็ไม่ได้มีความสำคัญในประเด็นนี้ การที่มีบุคคลบางคนได้พยายามนำเรื่องความร่ำรวยมาอ้างถึงให้เกี่ยวพันกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นสิ่งที่ขัดกันนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ปรุงแต่งขึ้นมาอย่างไร้สาระสิ้นดี วัตถุประสงค์ของพวกเขาเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการให้ร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และความมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นการชี้แนะแนวทางในการดำเนินชีวิตของบุคคลรวมทั้งหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้มีความมั่นคงไม่เกิดความผิดพลาดหรือเสียหายอย่างรุนแรงแม้จะเกิดเหตุการณ์วิกฤติใดๆขึ้น ไม่ได้มีข้อห้ามความร่ำรวยความเจริญก้าวหน้าแต่ประการใด

ทั้งคนรวย คนปานกลาง และคนจนก็สามารถที่จะนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เป็นหลักในแนวทางการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพการงานได้ ความร่ำรวยมากน้อยเพียงใดก็มิได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าความร่ำรวยนั้นไม่ได้มีที่มาโดยมิชอบ
ความดี ความชั่ว ไม่ได้วัดกันที่ความร่ำรวยหรือความยากจน
คนรวยที่ทุจริตคอรัปชั่น บ่อนทำลายชาติบ้านเมือง มีพฤติกรรมที่เลวทรามเป็นคนชั่ว
คนจนหาเช้ากินค่ำ มีความประพฤติดี รักชาติบ้านเมือง เป็นคนดี

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ที่ประเทศไทยก้าวหน้ามาพอสมควรได้จนถึงวันนี้ เพราะเราต่างอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารอันสงบร่มเย็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระราชาที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก พระองค์ทรงมองเห็นความเป็นไปของบ้านเมืองนี้มาอย่างยาวนานที่สุดพระองค์หนึ่งในแผ่นดิน เราควรยึดมั่นสถาบัน พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์
ขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป/บชร.1