วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ปัจจุบันสถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงเพียงใด

เป็นความจริงที่มีคนไทยจำนวนหนึ่งมีความคิดที่ไม่ต้องการมีระบบกษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ มีความต้องการที่จะปกครองประเทศในรูปแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ความคิดเช่นนี้มีมานานแล้ว จนกระทั่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2475 คนกลุ่มนี้ต้องการอำนาจปกครองสูงสุดแบบประธานาธิบดี ไม่ใช่แค่อำนาจบริหารแบบนายกรัฐมนตรี และมักจะอ้างเสมอว่าการปกครองแบบพระมหากษัตริย์เป็นประมุขล้าสมัย บ้านเมืองเจริญเติบโตช้า มีความคิดที่จะลบล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เมื่อมีโอกาสตลอดมา คนกลุ่มนี้เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ได้แล้ว ก็แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กันตลอดแทบทุกยุคทุกสมัย จึงไม่ค่อยได้รับความศรัทธาจากประชาชนนัก ประชาชนส่วนใหญ่แทบทั้งหมดยังคงจงรักภักดีและเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์อย่างไม่เสื่อมคลาย
กลุ่มคนที่ไม่ต้องการการปกครองระบบกษัตริย์เป็นประมุข แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพวกคอมมิวนิสต์ กลุ่มนี้ไม่ต้องการระบบกษัตริย์อย่างเปิดเผย กับกลุ่มที่ต้องการอำนาจสูงสุดแบบประธาณาธิบดี ไม่ต้องการระบบกษัตริย์เช่นกัน แต่ดำเนินการล้มล้างสถาบันอย่างปิดลับ ทั้ง 2 กลุ่มมีความประสงค์อย่างเดียวกัน และเป็นแนวร่วมกัน มีการติดต่อวางแผนร่วมกันเพื่อทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา แม้จะมีการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองได้แล้วก็ยังไม่พอใจ มีการดำเนินการ อย่างอื่นอีกหลายรูปแบบ มีการบีบและกดดันให้ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 7 สละราชสมบัติ ลอบปลงพระชนม์ล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 มีการปล่อยข่าวใส่ร้ายเกิดการสับสน เกิดการเข้าใจผิดกับสถาบัน จนกระทั่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 สืบราชสมบัติต่อมา ก็ปล่อยข่าวในเรื่องที่เสื่อมเสียอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของกลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่บังเกิดผลมากนัก ประชาชนแทบทั้งหมดก็ยังคงจงรักภักดีและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมาอย่างไม่เสื่อมคลาย กลุ่มดังกล่าวจึงมีการประชุมวางแผนโดยกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และเป้าหมาย ดังนี้
ยุทธศาสตร์ ทำอย่างไรก็ได้ ที่ทำให้คนไทยคลายความจงรักภักดีต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ลงทีละนิดๆ แม้จะให้เวลา 30 ปี หรือ 50 ปี ก็ต้องทำ
ยุทธวิธีใช้ยุทธวิธี การสร้างข่าวลือ กล่าวคือ ข่าวที่ไม่มีต้องสร้างขึ้น ข่าวที่มีอยู่แล้วต้องขยายให้ใหญ่ขึ้น คนไทยมีนิสัยเชื่อข่าวลือ จะได้ผลมาก ประกอบกับทางราชสำนักขาดภูมิคุ้มกัน รัฐบาล พรรคการเมือง พรรคฝ่ายค้าน ยังมีโฆษกไว้ค่อยแก้ต่าง แต่ราชสำนักไม่มีโฆษกไว้แก้ต่าง ต้องปล่อยให้ข่าวลือแพร่ออกไปจากข่าวเล็กๆ ขยายไปหาใหญ่ แล้วปล่อยให้ค่อยๆจางหายไปเอง ข่าวลือเมื่อเข้าสู่สมองแล้วลบออกยาก เพราะเข้าสู่กระบวนการทางความคิดแล้ว ทางแก้ของราชสำนัก คือการสร้างความดีมาลบล้าง ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก
เป้าหมาย ต้องไม่มีรัชกาลที่ 10 ดังนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงเป้นเป้าหมายหลักในการโจมตี ถ้าพูดอะไรเกี่ยวกับพระบรมฯ แล้วจะมีคนเชื่อ อย่าไปกล่าวโจมตีในหลวงหรือสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะจะไม่มีคนเชื่อ แต่ในปัจจุบันไม่ได้ยกเว้นแล้ว กล่าวโจมตีทุกพระองค์ และมีการแพร่ข่าวทางอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา
การปกป้องและการพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์
มีหลายวิธีเช่น
1. เริ่มที่ตัวเองก่อน กล่าวคือ เราจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์และรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะจะต้องไม่ฟังข้อมูลด้านเดียว
2. การต่อต้านข่าวสาร ที่ดีที่สุดคือการยุติข่าวให้ได้ เพราะข่าวเมื่อแพร่ออกไปแล้ว จะยุติได้ยาก ข่าวทุกข่าวเมื่อเข้าสู่สมอง เข้าสู่กระบวนความคิดแล้ว ลบยากมาก
3. เผยแพร่โครงการพระราชดำริ ซึ่งมีอยู่เกือบ 3,000 โครงการ ให้คนรุ่นหลังได้รับทราบถึงพระเมตตาของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกรและจัดงานเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านอย่างต่อเนื่อง
4. ร่วมกันต่อต้านการแพร่ข่าวทางอินเตอร์เน็ตในทุกรูปแบบ และศึกษาการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ไม่สามารถควมคุมเว็บไซต์ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเว็บไซต์จากต่างประเทศ
5. จะต้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ทุกฝ่ายจะต้องไม่ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มากล่าวอ้างเพื่อประโยชน์ฝ่ายตน
บทสรุป
ประเทศไทยเรามีสิ่งยึดเหนี่ยวร่วมกัน คือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นแกนหลักของความมั่นคงของชาติ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ เมื่อทุกคนรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เหมือนกับมีพ่อคนเดียวกัน ทุกคนเหมือนเป็นพี่น้องกัน เวลาขัดแย้งทะเลาะกันก็เหมือนพี่น้องทะเลาะกัน คือเดี๋ยวก็ดีกัน ประเทศไทยเราเป็นเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่ทุกคนก็อยู่ร่วมกันมาโดยไม่มีปัญหา ทำให้ประเทศเรามีความมั่นคงมากกว่าประเทศใดๆในภูมิภาคนี้
ดังนั้น ถ้าเราต้องการให้ประเทศของเรามีความมั่นคงตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน โดยไม่มีการแบ่งเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ ไทยอีสาน เราต้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ของเราไว้ อย่าให้ผู้ใดมาทำลายโดยเด็ดขาด แล้วแผ่นดินของเราจะมั่นคงเป็นปึกแผ่นตลอดไป
พล.ต.ต. สุเทพ สุขสงวน

ไม่มีความคิดเห็น: