วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

“พระราชินี” พระคู่บารมี “ในหลวง” ของปวงชนชาวไทย

วันอาทิตย์ 9 สิงหาคม 2552
บทความโดย ผศ.นพ.ภากร จันทนมัฎฐะ

พระราชินี ในหลวง
 ข้าพเจ้าเป็นเพียงอาจารย์แพทย์โรคหัวใจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในรพ.รามาธิบดี เมื่อหลายปีก่อน ข้าพเจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ให้เป็นแพทย์ติดตามเสด็จ และนับเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่สุดของข้าพเจ้า


"หากคนไทยไม่สนใจสิ่งที่พระองค์ทรงสอน และกระทำเป็น
แบบอย่าง หากสังคมไทยยังคงปล่อยปละให้ผู้คน
ดูหมิ่นจาบจ้วงพระองค์โดยไม่ทำอะไร และยังคงปลูกฝัง
ระบบทุนนิยมสามานย์ให้แก่ลูกหลานของเรา
จุดจบของประเทศไทย คงไม่พ้นช่วงชีวิตของเรา"

 ครั้งแรกที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทนั้น ข้าพเจ้าทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวล แต่ด้วยพระจริยวัตรที่งดงามและเป็นกันเอง ทำให้ข้าพเจ้าคลายความประหม่าและความกังวลลงไปได้ แม้หลายครั้งจะเหน็ดเหนื่อยจากภารกิจ แต่ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ความงดงามของการมองชีวิตจากพระองค์ท่าน ก่อนหน้านี้ เมื่อข้าพเจ้าดูข่าวในราชสำนัก โทรทัศน์มักถ่ายทอดโครงการต่างๆของท่าน และจบแต่เพียงเท่านั้น แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ส่วนที่ดีที่สุด เริ่มต้นหลังจากนั้น นั่นคือ ช่วงเวลาที่พระองค์ท่านประทับอยู่กับราษฎรหลังจากทรงตรวจเยี่ยมโครงการต่างๆเสร็จแล้ว เพื่อมอบความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนของพระองค์
 พระราชินี ในหลวง ข้าพเจ้าได้เห็น “สมเด็จพระราชินี” ประทับนั่งพับเพียบกับพื้น และไถ่ถามราษฎรถึงความทุกข์ยากของเขาเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง ทั้งที่พระชนมายุเพียงนี้แล้ว แต่หลายครั้งที่พระองค์ทรงงานนานถึง 6 ชั่วโมงโดยมิได้ลุกเลย เพื่อให้การดูแลผู้ยากไร้อย่างดีที่สุด ครั้งหนึ่งข้าพเจ้านั่งใกล้พระองค์ท่าน จนได้ยินการสนทนา และทราบว่า หญิงชาวบ้านผู้มาเข้าเฝ้านั้นมีความทุกข์เรื่องหนี้สิน สามีจากเธอไป และทิ้งเธอให้เผชิญหนี้สินตามลำพัง พร้อมด้วยลูกเล็กๆอีก 2 คน ข้าพเจ้ามองเห็นว่า ความทุกข์ยากแห่งชีวิตได้ฝากริ้วรอยไว้บนใบหน้าของเธอมากเพียงใด ในแววตามีแต่ความสิ้นหวัง และลูกๆปราศจากความเบิกบานอย่างที่เด็กๆ ควรจะมี เมื่อรับสั่งถามว่า เป็นหนี้เท่าไร เธอผู้นั้นไม่ยอมตอบเพียงแต่ทูลว่า หนี้นั้นมากมายเหลือเกิน และข้าพเจ้าได้ยินสมเด็จพระราชินี รับสั่งว่า ไปบอกเจ้าหนี้นะคะ ว่าพระราชินีจะใช้หนี้ให้ ข้าพเจ้าถึงกับน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ผู้สูงศักดิ์ที่สุดของแผ่นดิน ประทับอยู่ท่ามกลางชาวบ้านยากไร้ ทรงมอบความรัก ความช่วยเหลือให้เด็กๆจะได้รับขนมแจก, ผู้ป่วยจะมีแพทย์ดูแล, ผู้สูงอายุจะได้รับแว่นสายตา, ผู้ยากไร้จะได้รับพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องทุนรอน ไม่มีผู้ใด ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่า ต้องใช้พระราชทรัพย์มากเพียงใด เพราะทุกครั้งที่ราษฎรนำผลผลิตของตนมา ก็ได้รับคำตอบว่า “พระราชินีรับซื้อทั้งหมดค่ะ” ข้าพเจ้าพบว่า พระองค์ต้องใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯถวายเข้ามูลนิธิศิลปาชีพ หลายล้านบาทต่อวัน ช่วยเหลือผู้คนที่สังคมส่วนใหญ่พากันลืมเลือน ผู้คนที่ไม่มีโอกาส สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็น คือ สมเด็จพระราชินีได้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้แก่คนยากไร้ ที่มิได้รับความใส่ใจจากผู้ใด ข้าพเจ้าเชื่อว่า ในสายพระเนตรของพระองค์ ผู้ที่ยากไร้ก็เป็นคนไทยที่พระองค์ทรงรัก ข้าพเจ้าเสียดายที่หลายครั้ง โทรทัศน์ไม่อาจถ่ายทอดความรัก ความเอื้ออาทรของพระองค์ได้
 ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระราชินีเสด็จไปหมู่บ้านห่างไกลติดชายแดนพม่า ข้าพเจ้าอดสงสัยไม่ได้ว่า ณ.หมู่บ้านไม่กี่ครัวเรือนแห่งนี้ ทำไมต้องเสด็จมาด้วย และข้าพเจ้าก็ได้รับคำตอบว่า หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากพม่าเข้าสู่ไทย การให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จะช่วยลดปัญหา ยาเสพติดให้แก่ลูกหลานไทย และยังช่วยอนุรักษ์ป่าต้นน้ำอีกด้วย ข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณทางอ้อมอันยิ่งใหญ่ ต่อข้าพเจ้าเองและปวงชนชาวไทย
 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเห็นผลงานศิลปหัตถกรรม ต่างๆ และรู้สึกทึ่งในความวิจิตรงดงาม เมื่อสอบถามว่า เป็นผลงานของผู้ใด ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นของชาวบ้าน ชาวเขาซึ่งไร้การศึกษา ในตอนแรกข้าพเจ้าเองไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้สอนเรื่องยิ่งใหญ่ให้แก่ข้าพเจ้า นั่นคือ ความเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ พระองค์ทรงใช้ความอดทน ค่อยๆสอน จากชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ใดๆ สามารถสร้างงานศิลป์ที่คนไทยทั่วประเทศต้องภาคภูมิใจ ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นครูแพทย์ สมเด็จพระราชินีได้ปลูกฝังให้ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะศรัทธาในศักยภาพของผู้คน

เมื่อคราวเสด็จไปเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านทุรกันดาร มีคุณลุงท่านหนึ่งมาขอรับพระราชทานความช่วยเหลือ พวกเราที่เป็นแพทย์จำได้ว่า คุณลุงท่านนี้ตามมา 2-3 แห่งแล้ว และขอรับพระราชทานความช่วยเหลือทุกครั้ง แพทย์ท่านหนึ่งจึงกล่าวตำหนิไป แต่สมเด็จพระราชินีทรงได้ยินและรับสั่งว่า อย่าไปว่าเขาเลยค่ะคุณหมอ เพราะเขาจนจึงได้ทำแบบนี้ หลายครั้งที่พระองค์ท่านทรงประสบเหตุการณ์ในทำนองนี้ แต่พระองค์ยังเชื่อมั่นในส่วนดีของผู้คนเสมอ ข้าพเจ้าเห็นว่า ทุกครั้งที่ประทับอยู่ท่ามกลางราษฎรที่ยากไร้ มีปัญหาต่างๆมากมายมาให้ทรงแก้ไข แต่สมเด็จพระราชินีทรงมีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความสุขเสมอ แม้จะทรงงานหลายชั่วโมงต่อเนื่องโดยมิได้พัก พระองค์มิได้มีท่าทีเหนื่อยหน่าย พระองค์ทรงจำได้ แม้แต่ผู้ป่วยเล็กน้อยสักคน และมักตรัสถามแพทย์ถึงอาการผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วยความห่วงใยเสมอ ข้าพเจ้าพบว่า แม้คนที่ดูเล็กน้อยในสายตาของชาวโลก มีค่าเสมอในสายพระเนตรของพระองค์
พระราชินี
นี่เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ที่ข้าพเจ้าประทับใจในพระองค์ท่าน ชาวโลกต่างรู้ดีว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่ประเสริฐที่สุดในโลก แต่น่าเสียดาย…เสียดายที่คนไทยส่วนหนึ่งมองไม่เห็น แม้แต่บางคนในรามาธิบดีเอง กลับไม่ตระหนักว่า เรามีอาชีพ มีเงินเดือน มีเกียรติ เพราะเราทำงานใน รามาธิบดีทำงานภายใต้พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ท่าน หลายคนถูกปลุกปั่นให้เชื่อในหลักการของทุนสามานย์ ถูกกระแสสังคมครอบงำความคิดเรื่องทุนนิยม เห็นค่าดัชนีตลาดหุ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจ สำคัญกว่าความถูกต้อง ความเป็นธรรม และจริยธรรม

ไม่มีความคิดเห็น: